Home ข้อคิด 7 ข้อคิดว่า ทำไมคนตั้งใจทำงาน ขยันทุกวัน แต่กลักบยังไม่รวยสักที

7 ข้อคิดว่า ทำไมคนตั้งใจทำงาน ขยันทุกวัน แต่กลักบยังไม่รวยสักที

ขยันตั้งใจ(ทำงาน)แต่ทำไม ยังไม่รวยซักที

ทำไมเหมือนเรา อยู่ในยุคที่ต้องทำงานตลอดเวลา

แล้วทำไมยังไม่รวยสักที ชีวิตคนยุคนี้ เรามักได้ยิน

คนส่วนใหญ่ พูดเสมอว่า ทำงานประจำอย่างเดียวไม่พอ

ต้องมีอาชีพเสริม ไม่ว่าจะทำงานออนไลน์ ข ายของผ่าน Facebook

ซึ่งเรียกได้ว่า แทบจะทำงานกันตลอดเวลากันเลยทีเดียว

ตอบลูกค้าเช้า สายบ่ายเย็น ดึกค่ำแล้ว ทำไมยังไม่

รวยสักที แล้วจะให้คิดถึงวัยเกษียณ ไม่ต้องทำงาน

แล้วมีเงิ นใช้ได้อย่างไร จริงๆแล้วการเกษียณ

ไม่จำเป็นต้อง อยู่ในวัย60++ ถึงหยุดทำงานและ

ไม่จำเป็นเสมอไปว่า การเกษียณอายุ จะต้องหยุด

ทำงานเลย 100% เสมอไป เช่นกัน หรือแม้กระทั่ง

เจ้าของธุรกิจ เองบางคน ยังต้องทำงาน 24 ชั่ วโมง

และไม่มีคำว่าเกษียณ จากธุรกิจตัวเอง แล้วทำยังไง

ให้ทำงานตลอดเวลา แล้วได้เ งินมากขึ้น

แล้วเหนื่อยน้อยลง..

1.เปลี่ยนตัวจากนักใช้เงิ น

เป็นนักสร้างเ งิน ข้อนี้สำคัญ ปกติเราทำงานประจำ

รับเงิ นเดือนปุ๊บ สิ่งแรกที่คิดมักคิดว่า เราจะใช้อะไรก่อนดี

แต่ถ้าลองคิดกลับกัน เราทำงานได้เ งิน

แล้วเราจะให้เงิ นทำงานแทนเราในแบบไหนดี

ปล่อยกู้ลงทุนหุ้น หรือสร้างกิจการเล็กๆจากความ

ชอบหรือแม้แต่ใช้เงิ น เพิ่มความรู้ให้ตัวเอง

2.เลือกทำงานที่ใช้เวลาน้อยลง

แต่ได้เ งินมากขึ้น แบ่งเวลาชีวิตเป็น 3 ส่วน

เมื่อเราทำงาน ประจำ ซึ่งกินเวลาในชีวิต

แต่ละวันไปกว่า 1 ส่วน เวลานอนอีก 1 ส่วนเวลาอีก

1 ส่วนต้องเลือกทำ สิ่งที่ได้ผลตอบแทน หรืออาชีพเสริม

ที่ใช้เวลาน้อย แต่ให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า นักธุรกิจเจ้าของ

กิจการ หรือคนบางคน จึงเลือกศึกษา การลงทุนในหุ้น

เพื่อทำกำไรจาก เวลาที่เหลือ จากการดูแลกิจการตัวเอง

จากบทสัมภาษณ์หนึ่ง ของเจ้เล้งดอนเมือง

เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่าตัวเอง เป็นนักธุรกิจ

ที่ถนัดทางด้านการขา ย เครื่องสำอาง

เพราะทำมาตั้งแต่เด็กๆ แต่ธุรกิจเครื่องสำอาง

ไม่ทำงาน ทำกำไรให้มากนัก แต่ต้องลงเวลา

กับมันเยอะ เพราะความชอบ และความใส่ใจจึง

สร้างธุรกิจอื่น ที่ใช้เวลาไม่มากแต่ทำ

กำไรได้มาก เพื่อนำเ งินที่ได้ จากธุรกิจ

อื่นมาหมุนธุรกิจ เครื่องสำอางที่ต้อง

ลงเ งินสดเยอะ แต่ทั้งหมดทั้งมวล

ธุรกิจทั้งสองทาง ไม่ได้มีการกู้สินเชื่อ

จากธนาคาร หรือแม้แต่เอาเงิ นเก็บมา

ใช้ทำธุรกิจใดๆ ให้ธุรกิจ 1 เลี้ยงอีก ธุรกิจหนึ่ง

เป็นวงจรในตัวเอง

3.เปิดใจหาประสบการณ์ใหม่ๆ

เปิดใจหาเวลาเติมประสบการณ์ชีวิต จากคนอื่น

งานแบบอื่น ท่องเที่ยวประเทศอื่น ให้ตัวเองบ้าง

เพื่อสร้าง วิสัยทัศน์และความรู้ที่มากขึ้น

บางคนไปเที่ยว และเจอนวัตก รรม ที่บ้านเรา

ไม่มีก็นำไอเดียกลับมา ประยุกต์ เพื่อสร้างเงิ นได้หรือมีรถ

แต่ไม่กล้าไปสมัคร ขับ UBER หรือ Grab Bikeกเพราะกลัว

ไม่มีเวลา เพราะกลัวการเจอคนแปลกหน้า

ก็อาจจะปิดกั้นโอกาสบางอย่างของตัวเองไป

ลอง…ถ้าไม่ชอบค่อยเลิกไม่เสียหาย

4.ช้าๆได้พร้าเล่มงาม

บางอาชีพมีโอกาสจะสูญหายไปในอนาคต เพราะหุ่นยนต์หรือ

คอมพิวเตอร์ มาทำงานแทน บางคนไม่มองอนาคตของตัวเอง

แบบนั้น รอให้ถึงเวลาที่เรียกว่า เกือบจะสาย ค่อยตัดสินใจ

และกลายเป็นความล้มเหลว ในที่สุด อย่าลืมว่า

อายุที่มากขึ้น ในแต่ละปี ก็หมายถึงกำลังแรงกาย

ที่ถดถอยลงด้วย เช่น กันถ้าไม่เริ่มปรับ

เพื่อพร้อมเปลี่ยน แต่รอให้สถานการณ์

บังคับถึงตอนนั้น คุณอาจจะเป็นคนเกษียณที่ตก

งานก่อนวัยอันควรและ ไม่มีเงิ นเลี้ยงใครแม้แต่ตัวเอง

5.เปลี่ยนจากการกินเล่นนอน

เที่ยวเป็น การเรียนเราอาจจะต้องไม่หยุดที่จะศึกษา

ทั้งแนวคิด และวิธีการสร้างเ งินในหลากหลายรูปแบบ

และเลือกแบบที่เหมาะสม และตรงกับที่เรา

ต้องการ บางคนชอบให้คนช่วยสร้าง เ งินก็ลงทุน

ในกองทุนที่มี นักบริหารกองทุนดูแลบางคน

ชอบการลงทุน ด้วยตัวเองก็ลองเริ่มธุรกิจ

ที่จำเป็นต่อคนอื่น และเราชอบสักอย่าง

หรือบางคนชอบลุ้น ก็ลองเทรดหุ้น

ด้วยตัวเองสักที หรือถ้าเอาที่ง่ายที่สุด

แค่การลดการเล่นมือถือไปเรื่อยๆ มาเป็น

การเอามือถือ มาศึกษาเรื่องการลงทุน

เพจสอนการลงทุน หรือการสร้างเงิ น

ก็อาจจะทำให้คุณ มีแนวคิดการสร้าง

เงิ นที่ง่ายขึ้น หรือเกษียณจาก

การทำงานได้ไวขึ้น

6.ช้าหมดอดแดก

โลกที่เปลี่ยนในแต่ละครั้ง เกิดผลกระทบ

ทั้งสังคมเศรษฐกิจและคน ยกตัวอย่าง GrabBikeกที่

เข้ามาในเมืองไทยปุ๊บ อาชีพวิน มอเตอร์ไซต์

ที่มีจากการผูกขาด บริการขนส่งที่ว่องไว

แบบเดียวในกรุงเทพ จู่ๆก็กลายเป็น

ตัวเลือก ที่ไม่ค่อยมีคนอย ากเลือก เพราะมีทางเลือก

ที่ดีกว่าสะดวกกว่า บริการดีกว่า ทั้งยังใครๆ

ก็เรียกได้อีกด้วย

7.รู้อะไรเพียงอย่างเดียว

แต่ก่อนรุ่นพ่อแม่ อาชีพส่วนใหญ่ จะเป็นอาชีพ

ที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน แต่เดี๋ยวนี้ ความเชี่ยวชาญ

แต่ไม่รอบรู้ อาจจะทำให้ไม่สามารถ

ต่อยอดความเชี่ยวชาญของเรา ไปในทางอื่นๆได้

ยกตัวอย่าง นักกฎหมายบางคนไม่รู้จัก

การเล่น Facebook เพราะยุ่ง และไม่มีเวลาเล่น

ถือเป็นเรื่องไร้สาระ แต่เมื่อวันหนึ่งที่เกิดคดี

ฟ้องร้องเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

หรือการหมิ่นประมาท บนโลกออนไลน์

การใช้แค่ความ เชี่ยวชาญในข้อกฎหมาย

อาจจะไม่เพียงพอ ให้สามารถตัดสินคดี

ได้อย่างยุติธรรม ก็อาจจะทำให้ล้มเหลวในอาชีพ

ตัวเองได้เช่นกัน

ที่มา : wealthi

Load More Related Articles
Load More By ผู้เขียน
Load More In ข้อคิด

Check Also

7 เรื่องดีของ “คนขี้งก” ที่ทำตามแล้วคุณจะรวย ชีวิตมีเก็บ

คนขี้งกเป็น การจัดประเภทให้กับคนกลุ่มหนึ่ง ที่มีความสาม … …