
พ่อแม่หลายคน ชอบช่วยเหลือลูกอยู่ตลอดเวลา
เพราะเกรงว่า..ลูกจะทำอะไรได้ไม่ดีพอ แต่รู้ไหม…
3 ข้อนี้ ถ้าแม่เข้าไป มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
หรือว่า มีส่วนช่วยเหลือลูกๆน้อยที่สุด
จะเป็นผลดีกับลูกมากเลยล่ะ
1.พ่อแม่ต้องไม่เข้าไปช่วยลูกทำการบ้าน
มีคุณแม่ท่านหนึ่ง เล่าประสบการณ์ว่า… ตนเองไม่เคย
ไปสอนการบ้านให้ลูกชาย แม่จะเตือนลูกมากกว่าว่า…
เวลาไหนควรไปทำการบ้าน เมื่อทำเสร็จแล้ว
ก็บอกแม่คำหนึ่งก็พอ ส่วนการตรวจว่า ลูกชายทำถูกหรือไม่นั้น
เป็นหน้าที่ของตัวเขาเอง หรือให้เรียนรู้ว่าถูกผิดจากที่โรงเรียน
แม่มีหน้าที่ เพียงเซ็นชื่อก็แค่นั้น ในตอนแรกลูกชาย
ไม่พอใจโดยพูดว่า… “แม่ของคนอื่นจะช่วยตรวจการบ้านให้ด้วย
ทำไมแม่ขิ้เกียจแบบนี้ล่ะ”
เลยตอบลูกชายไปว่า..
“ไม่ใช่เพราะแม่ขิ้เกียจหรอกลูก คิดดูนะ ถ้าแม่ช่วยลูกตรวจการบ้านแล้ว..!!
ลูกจะรู้ได้อย่างไร ว่าผิดตรงไหน แล้วต่อไปลูกจะตรวจเองเป็นไหม
จำไว้นะว่า…ในตอนนั้น ไม่มีใครสามารถ มาช่วยลูกตรวจได้
ลูกจะได้ฝึกการตรวจ ความถูกต้อง และเรียนรู้ด้วยตนเอง”
ในห้องเรียน ลูกจะเจอบทเรียนก่อน และจึงจะได้ทำข้อสอบ
แต่ในโลกแห่งความจริง ลูกจะได้เจอบททดสอบก่อน
แล้วถึงจะได้บทเรียน นี่คือสิ่งที่ลูกต้องเรียนรู้
เธอสอนให้ลูกรู้จักพึ่งตนเอง เมื่อเจอปัญหา
ก็ต้องคิดใคร่ครวญด้วยตัวเอง ถ้าคิดไม่ออกจริงๆ
ค่อยขอคำแนะนำจากแม่ได้ ประสบการณ์ของครูพบว่า…
“แม่ขิ้เกียจ” ไม่เคยชี้นำลูกให้เรียนรู้ แต่ปล่อยให้ลูก
ทำอย่างอิสระ คิดอย่างอิสระ แต่เธอก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ
เธอยังให้ความสนใจกับลูก และใช้วิธีการที่ชาญฉลาด
เพื่อช่วย เมื่อลูกมีปัญหา มันสอนให้รู้ว่า…
ผู้ปกครอง ควรที่จะปล่อยลูกของตนเองบ้าง
ในเวลาอันสมควร ให้เขาได้เรียนรู้ และใช้ชีวิตของตนเอง
อย่างเต็มที่ สิ่งที่ตัวอย่างแม่ๆทั้งหลายทำนั้น
มันเป็นวิธีในการปลูกฝังลูกได้ดีมาก เพื่อให้เขาสามารถ
เติบโตได้ด้วยตัวเอง พ่อแม่ทุกคนมักจะกังวล
กับลูก จนไม่กล้าปล่อยให้ลูก ได้เรียนรู้ด้วยตัวเขาเอง
คุณควรเอาความกังวล เก็บไว้ในใจ และปล่อยให้เขา
โบยบิน ไปด้วยวิธีของเขาเถิด เพื่อให้เขา
มีปีกที่แข็งแรงพอ…เพื่อให้เขาอยู่ได้ด้วยตัวเอง
ในวันที่ไม่มีคุณแล้ว
2.พ่อแม่ต้องสอนให้ลูกเรียนรู้จักพึ่งพาตัวเอง
คุณแม่เจียเจียได้เล่าประสบการณ์ว่า… เธอจะไม่เข้าไปช่วยลูก
ในสิ่งที่พวกเขาทำได้เอง เช่น เมื่อห้องนอนของเจียเจีย
ไม่เป็นระเบียบ แม่จะเตือนเจียเจียว่า ควรจัดห้องยังไง..
เพื่อให้เป็นระเบียบ และจะให้ลูกทำเอง ในช่วงเปิดภาคเรียน
คุณครูขอให้นักเรียน ห่อปกหนังสือเรียน เล่มใหม่ของเทอมนี้
แต่เจียเจียทำไม่เป็น แม่จึงสอนเจียเจีย ห่อเป็นตัวอย่าง
จากนั้นก็ปล่อยให้เจียเจีย ได้ทำเองทั้งหมด
เจียเจียไม่อย ากห่อเอง จึงไม่ยอมขยับมือ
แม่ก็ไม่สนใจอะไรเธอ ได้แต่ยืนอยู่ข้างๆ
พร้อมชี้นิ้วบอกให้ทำ แต่ไม่เข้าไปช่วยห่อ
ทำให้เจียเจีย ต้องนั่งห่อเองทั้งหมด
แม่ของเจียเจียพูดว่า…. “ความจริง
ถ้าฉันจะเข้าไปช่วยห่อ จะประหยัดเวลาได้มากเลยล่ะ…
แต่เจียเจียจะไม่มีวันเรียนรู้ ที่ห่อปกหนังสือ ได้ด้วยตัวเอง
ฉะนั้นนี่เป็นวิธีที่ดีที่สุด คือปล่อยให้เจียเจียห่อเอง
ถึงจะห่อไม่เรียบร้อยก็เถอะ” ประสบการณ์ของครูพบว่า…
“แม่ขิ้เกียจ”ไม่เคยขยันหมั่นเพียร ในการช่วยลูก
ในการทำสิ่งต่างๆ แต่ให้ลูกได้พึ่งพาอาศัยตัวเอง
ช่วยเหลือตัวเองได้ และไม่เฉยเมย ต่อการฝึกฝน
คือการสร้างความรับผิดชอบ ให้กับลูกได้เป็นอย่างดี
3.พ่อแม่ให้ลูกเรียนรู้ที่จะเติบโตด้วยตัวเอง
พ่อแม่หลายคน ชอบสร้างความ คาดหวังในตัวลูกมากไป
อย ากให้ลูกทำตาม สิ่งที่ตัวเองต้องการ เพราะคิดว่า
มันเป็นสิ่งที่ดี แต่การทำเช่นนี้ จะทำให้ลูก
รู้สึกอึดอัดและกลายเป็นไม่อย ากฟัง
และทำเป็นหูทวนลม ไม่ใส่ใจกับสิ่งที่พ่อแม่พูดเลย
แต่…มีครอบครัวหนึ่ง ที่กลับทำตรงกัน ข้ามเลย
ในช่วงสุดสัปดาห์ ฮาวฮาว เล่นเกมเป็นเวลานาน
มากและไม่ทำการบ้าน แม่จึงถามว่า..“ลูกกะจะเล่นเกมถึงกี่โมง”
ฮาวฮาวตอบว่า..“ขอเล่นอีก10นาทีนะแม่”
แม่ตอบกลับไปว่า..“ได้ต้องรักษาคำพูดนะ”
เมื่อผ่านไป 10 นาที แม่ก็เดินกลับมาดูอีก
ฮาวฮาว ก็ยังคงนั่งเล่นอยู่ที่เดิม แม่โกรธมาก
แต่ก็ต้องสงบสติอารมณ์ และพูดอย่างใจเย็นว่า…
“ปกติลูกเป็นคนรักษาคำพูดไม่ใช่เหรอ”
ในตอนนั้น ฮาวฮาวก็เริ่มรู้สึกผิด จากนั้น
ก็เดินไปปิดสวิทช์ และรีบไปทำการบ้าน
นั้นเป็นเพราะว่าก่อนหน้านั้น แม่ของฮาวฮาว
เคยพูดหลายรอบเกี่ยวกับ นิทานเรื่อง
“การเป็นคนน่าเชื่อถือ” และนั้นก็ทำให้ฮาวฮาว
ค่อยซึมซับเข้าไป ปกติแม่จะเป็นคนที่ให้ความสำคัญ
ในเรื่องการอ่า นหนังสือเป็นอย่างมาก จึงได้ซื้อนิทาน
สร้างแรงบันดาลใจ ให้อ่า นมากมาย
และจากนิทานเหล่านี้ ทำให้ฮาวฮาวเรียนรู้
ที่จะนำมาใช้ กับตัวเอง เสริมสร้างนิสัยของตนเอง
อดทนอดกลั้น ทำให้เป็นคนที่มีคุณภาพยิ่งขึ้น
ประสบการณ์ของครูพบว่า… “แม่ขิ้เกียจ” ไม่ขยัน
ที่จะบ่นทั้งวัน แต่ใช้เหตุผลในการพูดคุย เพราะเธอรู้ดีว่า
ลูกไม่ชอบการบ่น แต่เธอขยันในการหาวิธี ในการรับมือ
เพื่อปลูกฝังสิ่งที่ดีให้กับลูก
ขอบคุณบทความ : lifebeeper