
การแก้ปัญหาหนี้สิน ถ้ามุ่งคิดแต่เรื่องหนี้สินอย่างเดียวส่วนใหญ่
จะพบทางตัน จำเป็นต้องพิจารณาตัวแปร 3 ตัวที่เกี่ยวข้องกับหนี้
จึงจะช่วยเพิ่มสภาพคล่อง และจัดการปัญหาหนี้ได้ถูกต้อง
กล่าวคือตัวแปรแรก คือรายจ่าย แน่นอนว่าเมื่อรายได้ลด
เราจะใช้จ่ายเหมือนเดิมคงไม่ได้ และรายจ่ายหลายตัว
ยังซ่อนตาเราอีกมาก ขณะเดียวกันเรื่องรายจ่าย เป็นเรื่องที่ต้องร่วมกัน
แก้ปัญหาทั้งครอบครัว แต่กลับพบว่า หัวหน้าครอบครัว
มักจะแบกปัญหา และรับความเครียดไว้คนเดียวกว่า
คนในครอบครัวจะรับรู้ ปัญหาก็บานปลาย เกินกว่าจะแก้ไข
ในกรณีที่ครอบครัว ช่วยเหลือกันพบว่า ลดค่าใช้จ่ายได้
อย่างไม่น่าเชื่อ เช่น บางครอบครัว จากที่เคยทานอาหารนอกบ้าน
เป็นประจำ ต้องหันมาทำอาหารทานเอง แต่ก็ยังไม่พอ
ต้องเลือกเมนูอาหาร ให้เหมาะกับรายได้ด้วย บางคนที่ผ่านพ้น
วิกฤติหนี้เล่าว่า เราประหยัดสุดๆ ผักบุ้ง 1 กำ ไข่ดาว 2 ฟอง
คือกับข้าว 3 มื้อ ของครอบครัวช่วงนี้ ก็เน้นข้าวคลุกซีอิ๊วเยอะหน่อย
ก็พอไปได้ ตัวแปรต่อมาคือรายได้ ซึ่งการหารายได้เสริม
จะว่าเป็นเรื่องย ากก็ย าก แต่พลิกมุมคิดว่า อะไรที่ 2 มือนี้ทำได้
นับเป็นงานเป็นเงินทั้งนั้น” ทำให้มีทางออกได้ไม่ย ากนัก
จากประสบการณ์ของลูกหนี้รายหนึ่ง ถูกให้ออกจากงาน
แรกๆก็เคว้งคว้าง ช่วงกลางวันก็ทำงานรับจ้าง รายได้ไม่แน่นอน
แต่เขาไม่ย่อท้อ ไปรับเศษผ้าจากโรงงาน มาเย็บผ้าเช็ดเท้าตอนกลางคืน
ซึ่งงานแบบนี้ ถือเป็น“งานอาชีวบำบัด” ทำให้จิตนิ่งได้
สุดท้ายเมื่อเขาหายฟุ้งซ่าน จากปัญหาหนี้สิน ชีวิตเริ่มเข้าที่เข้าทาง
ไปสัมภาษณ์งานใหม่ที่ไหน ก็มีสติในเวลาไม่ถึง 6 เดือน
เขาก็ได้งานประจำที่มีรายได้มั่นคง ตัวแปรสุดท้ายคือหนี้สิน
เมื่อจ่ายไม่ไหวลูกหนี้แทบทุกคน ย่อมรู้สึกผิด ที่ไม่สามารถ
รักษาสัญญาที่ให้กับเจ้าหนี้ได้ สุดท้ายก็ดิ้นรน ไปหาทางออก
3 ข้อแรกที่ไม่ขย ายไปสู่ปัญหาอื่น ก็ทำให้ปัญหาหนี้สินรุนแรงขึ้น
ทางที่ดีที่สุดคือการเผชิญหน้ากับปัญหา โดยการเข้าไปปรึกษา
กับเจ้าหนี้เปิดใจถึงปัญหาที่เกิดขึ้น แสดงความจริงใจ
และความตั้งใจถ้าเจ้าหนี้รู้ว่า ลูกหนี้คนนี้แม้ไม่มีเงิน
หรือมีเงินน้อยแต่มาแสดงตัวและให้ความร่วมมือกับเจ้าหนี้
เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินทุกวิถีทาง สิ่งเหล่านี้คือเครดิต
คือความน่าเชื่อถือ ที่เจ้าหนี้ให้คุณค่าเมื่อต่างฝ่าย
พย าย ามทำข้อตกลง แม้จะจ่ายได้ไม่ครบ หรือยังจ่ายหนี้ไม่ได้
ตามข้อตกลงใหม่ แต่เจ้าหนี้ก็ยังเห็นความตั้งใจ
การจะส่งฟ้องยึดทรัพย์ลูกหนี้ กลุ่มนี้ก็จะอยู่กลุ่ม ที่จะถูกฟ้อง
เป็นอันดับท้ายๆ พร้อมเทคนิคเคลียร์หนี้อย่างไร ให้หมดเร็วแล้วไม่กลับมาเป็นซ้ำอีก
1.สำรวจหนี้สินที่มี
อันดับแรก ต้องเริ่มจากสำรวจหนี้สินทั้งหมดที่มีก่อน โดยแจกแจงหนี้ทั้งหมด
ที่มีออกมาพร้อมรายละเอียดการชำระด้วย จะได้เห็นกันเลยว่า
เราเป็นหนี้อยู่ทั้งหมดเท่าไหร่ มีเจ้าหนี้อยู่กี่ราย และต้องชำระอะไรก่อนหลัง
รวมถึงอ่ านรายละเอียด ในข้อตกลง ให้เข้าใจ ยิ่งในส่วนของกรณี
เกิดผิดนัดชำระ จะต้องมีค่าปรับ หรือเงื่อนไขเพิ่มเติมอย่างไรบ้าง
เพื่อที่จะได้นำข้อมูลเหล่านี้ มาช่วยบริหารจัดการหนี้
ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
2.ชำระหนี้ที่ดอ กเบี้ยแพงสุดก่อน
เมื่อเรารู้แล้วว่า ตอนนี้เรามีรายการหนี้อยู่กี่อันราคาเท่าไหร่ และกำหนดชำระเมื่อไหร่
ให้ไล่เรียงชำระจากหนี้ที่มีด อกเบี้ยแพงที่สุดก่อน เพราะหากไม่ทยอยชำระ
จากหนี้ก้อนนี้ก่อน เมื่อเวลาผ่านไป ด อกเบี้ยก็จะยิ่งเพิ่มพูนขึ้นไปอีก
และการจะเคลียร์หนี้สินให้หมด ก็จะยิ่งเป็นเรื่องย าก แต่หากหนี้แต่ละก้อน
มีด อกเบี้ยในอัตราที่เท่าๆกัน ให้เลือกชำระหนี้ก้อน ที่มียอดเงิ นน้อยๆก่อน
เพื่อลดจำนวนเจ้าหนี้ลง
3.สำรวจพฤติกรร มของตนเองลดค่าใช้จ่ายส่วนเกิน
นอกจากสำรวจหนี้สินของตัวเองแล้ว ให้สำรวจพฤติกรร ม การใช้จ่ายของตัวเองด้วย
เพราะถึงแม้จะรู้ว่าเป็นหนี้อยู่เท่าไหร่ แต่ถ้ายังใช้จ่ายเท่าเดิม
แทนที่จะใช้หนี้เก่าหมด กลับจะมีหนี้ใหม่เพิ่มเข้ามาอีก
ดังนั้นลดรายจ่ายส่วนเกิน ที่ไม่จำเป็นออกไป ทั้งนี้แนะนำ
ให้แบ่งสัดส่วน รายได้ออกเป็น 3 ส่วน คืออดีตปัจจุบัน และอนาคตดังนี้
อดีตคือหนี้สินในอดีต ให้แบ่งเงิ น 50% ของรายได้
สำหรับใช้หนี้ปัจจุบันคือค่าใช้จ่าย ในการดำรงชีวิต
ในปัจจุบันให้แบ่งไว้ 40% อนาคตคือเงิ นที่แบ่งไว้
สร้างความมั่งคั่งในอนาคตให้แบ่งไว้ 10%
4.หารายได้ทางอื่นเพิ่มเติม
เมื่อเราสามารถปรับลดค่าใช้จ่ายส่วนตัวลงได้แล้ว การหารายได้อื่นๆเพิ่ม
ก็จะช่วยให้เราปลดหนี้ได้ไว้ยิ่งขึ้น อาจจะรับทำงานฟรีแลนซ์ ในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์
หรือช่วงหลังเลิกงานก็ได้ อย่างน้อยก็สามารถ มีรายได้เสริม
นอกเหนือจากงานประจำที่ทำอยู่ งานละนิดงานละหน่อย
พอรวมๆกันอาจช่วยให้ชำระหนี้
หมดเร็วขึ้นสัก1–2งวดก็ได้นะ
ขอขอบคุณ thebangkokinsight