
ถ้าไม่มีลูก จะวางแผนชีวิตตอนแก่ยังไงดี? คำถามนี้คิดว่าหลายๆคน
อาจต้องการคำตอบ ยิ่งยุคสมัยนี้ คนไทยหลายๆคน นิยมมีลูกกันน้อยลงเรื่อยๆ
หลายคนก็ตัดสินใจจะอยู่เป็นโสด (ทั้งภาคบังคับและสมัครใจ)
หลายคนก็มีความรัก แบบไม่ผูกมัด หลายคนก็แต่งงานแต่ตัดสินใจไม่มีลูก
ด้วยเหตุผลต่างๆ จึงเกิดตำถามคำถามว่า ถ้าไม่มีลูกจะวางแผนชีวิตตอนแก่ยังไงล่ะ
แล้วเราจะต้องไปอยู่ที่ไหน และใครจะคอยดูแลเรา สิ่งสำคัญของชีวิตที่ไร้ทาย าท
คือแผนการเ งินที่พร้อมจะรับมือทุกสถานการณ์ เมื่อไม่มีลูก ที่อาจจะมาสร้างรายได้
ทดแทนเราตอนเกษียณ การวางแผนเรื่องรายได้ อย่างสม่ำเสมอ จนถึงวันสุดท้าย
ของชีวิตจึงสำคัญมากๆ เราควรเริ่มต้นวางแผนว่า จะมีชีวิตเกษียณด้วยเงิ นก้อน
ขนาดเท่าไหร่ และจะหาเ งินก้อนนั้นมาได้อย่างไรบ้าง ความรู้ด้านการเงิ นและการลงทุน
คือเรื่องสำคัญ เราควรเรียนรู้และศึกษาเรื่องการวางแผนเกษียณ
ตั้งแต่วันนี้ คิดเอาไว้ตั้งแต่ตอนนี้เลยว่า จะใช้ชีวิตตอนแก่อย่างไร
สิ่งที่สำคัญที่จะทำให้แผนการเงิ นของเราชัดเจนมาก คือการวางแผน
อย่างชัดเจนว่าจะมีชีวิตอยู่อย่างไร สำหรับคนที่อยู่ตัวคนเดียว
(โสดหรือคู่รักเสี ยชี วิต) หรือคนที่อยู่กันเป็นคู่ แต่ไม่มีทาย าท
การเลือกอาศัยอยู่ในอสังหาริมทรัพย์ สำหรับผู้สูงอายุ ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีมาก
ปัจจุบันมีบริษัทเอกชนมากมาย ที่หันมาจับตลาด ความต้องการในกลุ่มนี้
หลายบริษัทมีบ้านหรือคอนโดมิเนียม สำหรับผู้สูงอายุ ให้เลือกอยู่อาศัย
สภาพแวดล้อมเหมาะสม สำหรับผู้สูงวัย ตรงนี้ถ้าเราวางแผนไว้ก่อน
เราก็สามารถเตรียมความพร้อมเรื่องเงิ นไว้ได้
1.ผูกมิตรใหม่ๆและอย่าได้เลิกคบเพื่อนเก่า
สิ่งนี้ถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะการมีสายสัมพันธ์ทางสังคมนั้น เป็นเรื่องที่หาค่ามิได้
เพื่อนใหม่ๆที่อายุน้อยกว่าคุณ จะทำให้คุณตามโลก ตามเทรนด์ทัน รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
และยังตื่นเต้นกระฉับกระเฉง ไม่ตกยุคตกสมัย ในขณะที่เพื่อนเก่าๆเป็นเหมือนบ้าน
ที่แสนสบาย ทำให้คุณสบายใจเวลาได้อยู่ด้วย ได้รื้อฟื้นเรื่องราวเก่าๆด้วยกัน
มีการศึกษาพบว่า คนวัย 50 ปีขึ้นไป ที่ไม่มีเพื่อนหรือมีเพื่อนน้อย
เนื่องจากเพื่อนใหม่ก็ไม่คบ เพื่อนเก่าก็ค่อยๆทยอยตา ยไปทีละนิด
จะเสี ยชี วิตเร็วกว่าคนที่มีเพื่อนเยอะถึงสองเท่า โดยไม่ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาสุขภาพ
หรือสถานภาพทางสังคมด้วยนะคะ เพื่อนจะช่วยให้คุณไม่เป็นโร คซึมเศร้าในวัยชรา
ซึ่งเป็นโ รคที่อั นต รายมาก พบว่าคนวัย 65 ปีขึ้นไป จะป่วยเป็นโ รคซึมเศร้ามาก
ถึง 20% ซึ่งสูงมากนะครับ แล้วส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยยอมรับด้วยว่า ตัวเองป่วย
2.เตรียมพร้อมรับมือทุกสิ่งที่อาจเกิดขึ้นแล้ววางแผนดีๆ
ความสำคัญในการวางแผนอนาคตให้รอบคอบ คือการวางแผนให้ครบรอบด้าน
ทุกแง่มุมที่อาจจะเกิดขึ้น เพื่อเตรียมตัวรองรับทุกสถานการณ์
แม้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะเป็นเรื่องไม่คาดคิด ยกตัวอย่างเช่น
วางแผนว่าถ้าคนในครอบครัวเสี ยชีวิ ตหมด เราจะทำอย่างไร
วางแผนถ้าคู่ชีวิตเสี ยชีวิ ตก่อนเรา จะทำอย่างไร วางแผนถ้าลูกเสี ยชีวิ ตก่อนเรา
จะทำอย่างไร วางแผนว่าถ้าเราพิการ หรือทุพพลภาพเราจะทำอย่างไร
ถึงแม้จะดูเครียดไปบ้าง แต่สิ่งเหล่านี้ สามารถป้องกันความเสี่ยงไว้ล่วงหน้าได้
โดยเฉพาะเรื่องประกันชีวิต ประกันสุขภาพ ประกันโร คร้า ยแรงต่างๆที่ช่วยลดความเสี่ยงได้
3.เตรียมที่อยู่ให้พร้อม
ตอนอายุยังไม่มาก คุณจะอยู่ที่ไหนก็ได้ แต่พออายุมากขึ้น คุณอาจต้องหาที่ทางอยู่
ในย่านที่เดินได้ มี Walkability อยู่ใกล้สถานพย าบาล หรืออยู่ใกล้ชุมชน
ที่สามารถหาซื้อข้าวของและบริการต่างๆได้โดยสะดวก ซึ่งก็ต้องเตรียมแต่เนิ่นๆ
เช่น คุณอาจทำงานอยู่กรุงเทพฯ แต่คิดแล้วว่าตอนแก่ จะไปอยู่เชียงใหม่
ก็อาจเริ่มผ่อนบ้านหรือคอนโดฯที่เชียงใหม่ไว้ก่อนเลยก็ได้
4.การมีแผนการเงิ นของตนเองคือสิ่งสำคัญที่สุด
ไม่ว่าเราจะอยู่ในครอบครัวแบบไหน มีลูกมีสามี มีภรรย า
มีพ่อ มีแม่ มีชีวิตแบบใดก็ตาม เราจำเป็นต้องมีแผนการเงิ นเสมอ
เพราะสุดท้ายแล้ว คนที่จะอยู่กับเราไปตลอดชีวิตอย่างแน่นอน
ก็มีแค่ตัวเราของเรา แค่คนเดียวคิดไว้ ตั้งแต่วันนี้ว่าจะมีชีวิต
เกษียณแบบไหนจากวันนี้จนวันสุดท้ายจะมีชีวิตอย่างไร
5.สำคัญที่สุดคือการรักษาสุขภาพ
เรื่องนี้แทบไม่ต้องบอกกัน ดูแลเรื่องการกิน และการออกกำลังกายให้ดี
และรักษาสมองให้แจ่มใสเอาไว้ด้วย อย่าลืมวางแผนการเดินทาง
ท่องโลกเอาไว้ ตั้งแต่ตอนนี้ด้วยนะคะ เพราะถ้าอายุมากขึ้น
คุณอาจเดินทางไม่ไหวแล้วหรือไม่ก็ไม่สนุกเท่าวัยนี้ แต่ก็ดูให้พอดี
กับงบประมาณ และการออมของตัวเอง ด้วยการสูบบุ ห รี่
หรือดื่มเห ล้ ามากเกินไป ไม่เป็นผลดีต่อร่างกาย ถ้าทำได้ก็งดเว้นไปเสียเถอะ
เอาเงิ นและเวลามาเตรียมตัวอยู่อย่างไร้คู่ไร้ลูก แต่ไม่ไร้สุขกันดีกว่า
อย่างไรก็ตาม ก็ต้องไม่ตึงเครียดกับการเก็บเงิ นจนเกินไปด้วยนะคะ