
มีเด็กน้อยคนหนึ่ง ที่แสดงอารมณ์ออกมาทางสีหน้า ไม่ค่อยจะดีนัก พ่อของเขาจึงให้ตะปูกับเขา 1 ถุง
และบอกกับเขาว่า ทุกครั้งที่เขารู้สึกโมโหหรือโกรธใครสักคน ให้ตอกตะปู 1 ตัวเข้าไปกับรั้วที่หลังบ้าน
วันแรกผ่านไป เด็กน้อยคนนั้นตอกตะปูเขาไปที่รั้วหลังบ้าน ถึง 37 ตัว และก็ค่อยๆลดจำนวนลงเรื่อยๆ
ในแต่ละวันที่ผ่านไป จำนวนตะปูที่ตอกกับรั้วหลังบ้าน ก็ลดลงน้อยลงน้อยลง เพราะเขารู้สึกว่า
การรู้จักควบคุมอารมณ์ของตนเองให้สงบ ง่ายกว่าการตอกตะปูตั้งเยอะ
และแล้วหลังจากเด็กน้อยพบว่า เขาสามารถควบคุมตนเองได้ดีขึ้น ใจเย็นมากขึ้น
เขาจึงเข้าไปพบกับพ่อ และบอกกับพ่อของเขาว่า
เขาสามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้แล้ว ไม่มุทะลุ เหมือนแต่ก่อนที่เคยเป็นมา
พ่อยิ้มและบอกกับลูกชายของเขาว่า ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง เจ้าต้องพิสูจน์ให้พ่อรู้
โดยทุกๆครั้งที่เขาสามารถควบคุมอารมณ์ฉุนเฉียวของตนเองได้
ให้ถอนตะปูออก จากรั้วหลังบ้าน 1 ตัวทุกครั้ง วันแล้ววันเล่า
เด็กน้อยคนนั้นก็ค่อยๆถอนตะปูออกทีละตัว จาก 1 เป็น 2..จาก 2 เป็น 3
จนในที่สุด ตะปูทั้งหมดก็ถูกถอนออกจนหมด เด็กน้อยดีใจมาก รีบวิ่งไปบอกกับพ่อเขาว่า
ผมทำได้ในที่สุดผมก็ทำจนสำเร็จ พ่อไม่ได้พูดอะไร แต่จูงมือลูกของเขาออกไปที่รั้วหลังบ้าน
และบอกกับลูกว่าทำได้ดีมากลูกพ่อ และเจ้าลองมองกลับไปที่รั้วเหล่านั้นสิ
เจ้าเห็นหรือไม่ว่า รั้วนั้นมันไม่เหมือนเดิม ไม่เหมือน..กับที่มันเคยเป็น
จำไว้นะลูก..เมื่อใดก็ตาม ที่เจ้าทำอะไรลงไป โดยใช้อารมณ์ สิ่งนั้นมันจะเกิดเป็นรอยแผล
เหมือนกับการเอามี ดที่แหลมคมไปแ ทงใครสักคน ต่อให้ใช้คำพูดว่า“ขอโทษ”สักกี่หน ก็ไม่อาจลบรอยแผล
ที่เกิดขึ้นกับเขาคนนั้นได้ แต่ลูกจงฝึกใช้คำว่าขอโทษไว้เสมอ ไม่ว่าเขาจะยกโทษให้เราหรือไม่ก็ตาม
และจงจำไว้ให้ดีว่า..ไม่ว่าเราจะไปเพิ่มรอยตะปู ให้ใครหรือใครมาเพิ่มรอยตะปูให้เรา ทั้งที่ตั้งใจทำ
หรือแบบที่อารมณ์พาไป รอยร้าวที่เกิดขึ้นกับเขา อาจจะไม่มีวันลบเลือนได้ตลอดไป..จงคิดทบทวนให้ดี
มีอยู่ 3 สิ่งในโลกใบนี้ ที่เมื่อผ่านมาแล้ว ไม่สามารถเรียกมันกลับคืนมาได้ คือคำพูด..เวลา..และโอกาส
เพื่อน..เปรียบเสมือนอัญมณี อันมีค่าที่หาย าก เป็นคนที่ทำให้เรายิ้มเป็น คนที่คอยให้กำลังใจ
และยินดีเมื่อเราพบกับความสำเร็จ เป็นคนที่คอยปลอบใจเรา เมื่อย ามเศร้า ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเรา
และจริงใจกับเราเสมอ แสดงให้เขาเห็นว่า เราห่วงใยเขามากแค่ไหน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ
ให้รู้ทันความโกรธให้เร็วที่สุด ทันทีที่สติรู้ทัน ให้รีบปล่อยวางความโกรธ อย่างน้อยมันจะหยุดการตอกตะปูใส่คนอื่น
วางความยึดมั่นในตัวเอง ว่าเรานั้นถูกเป็นจุดเริ่มต้นของการแก้ไขปัญหาที่ดีกว่า ดีกว่าปล่อยให้ตัวเราเองยึดติด
ว่าเราถูก เราดีจนทิฐิย้อนกลับมาทำลายตัวเอง หวังว่านิทานนี้ คงช่วยให้พวกเราอยู่ร่วมกัน..ทำงานร่วมกัน..คบกัน..
ด้วยความรู้สึกที่ดีต่อกันขึ้นเรื่อยๆตลอดไป.. จากหนังสือเข็มทิศ ชีวิตของคุณฐิตินาถ ณ.พัทลุง
เรื่อง..รอยตะปูของพ่อเรื่องนี้ข้อคิดดีสละเวลาอ่า นสักนิด..